เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2001 วงการฟุตบอลอังกฤษถึงกับช็อคในการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ เลส ซีลี่ย์ อดีตผู้รักษาประตูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันด้วยวัย 43 ปี และนี่ก็คือบทความไว้อาลัยจากเรา โดยได้รับความช่วยเหลือบางส่วนจากอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา
เขาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลมิดเดิ้ลเซ็กส์เมื่อวันที่ 22 เมษายน ปี 1991 ตอนนั้นทีมแพทย์ผ่าตัดช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ ชั่วโมงก่อนหน้านั้น หัวเข่าของเขาเกิดติดเชื้อขึ้นมาจากการปะทะเข้าที่ปลายสตั๊ดของ พอล วิลเลี่ยมส์ ระหว่างเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตะกับเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศ
จากนั้นซีลี่ย์ก็ฟื้นตัวขึ้นมาจากฤทธิ์ยาสลบ “อีก 4 สัปดาห์จะมีโปรแกรมนัดชิงฯ คัพ วินเนอร์ส คัพ” เขาบอกกับหมอทั้งที่ยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ “ผมจะมีโอกาสได้ลงเล่นในเกมนี้ไหม?”
“ลงเล่นเหรอ?” หมอยิ้มให้กับเขา “คุณโชคดีเท่าไหร่แล้วที่รอดชีวิตมาได้น่ะ”
จากนั้น 4 สัปดาห์ต่อมา ด้วยผ้าพันแผลที่พันอย่างหนาที่หัวเข่า ซีลี่ย์ก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ลงเล่นท่ามกลางสายฝนที่ร็อตเตอร์ดัม พวกเขาปราบทีมอย่างบาร์เซโลน่าได้ และนายทวารผู้นี้ก็คว้าเหรียญรางวัลที่ 2 ของเขามาครองได้ภายในปีแรกหลังย้ายมาร่วมทีมเป็นการถาวร โดยก่อนหน้านี้เขาถูกยืมตัวมาเล่นจากลูตัน ทาวน์
“คุณอาจจะเห็นว่าสภาพของเลสนั้นไม่สมบูรณ์ แต่เขาก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีในการรับมือกับอาการบาดเจ็บเพื่อลงเล่นในเกมนั้น” ไบรอัน แม็คแคลร์ กล่าว “เมื่อใครสักคนเจ็บขึ้นมา และมีนัดชิงชนะเลิศบอลถ้วยรออยู่ในวันข้างหน้า มันก็จะมีคำถามเกิดขึ้นมาทันที คุณจะฟิตทันหรือไม่? เลสไม่ฟิตหรอก แต่เขาก็พร้อมลงเล่น นั่นบ่งบอกอะไรถึงตัวเขาได้เยอะเลย”
ไม่เคยมีข้อสงสัยในความเป็นตัวตนของซีลี่ย์ ปีก่อนนั้น นายทวารชาวค็อคนี่ย์ได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ปี 1990 นัดรีเพลย์ พบกับคริสตัล พาเลซ หลังจากที่ จิม เลห์ตัน ทำผลงานได้ไม่ดีในนัดแรก แม้ตอนนั้นเขาจะอายุุถึง 32 ปีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยแสดงจุดอ่อนออกมาให้เห็น เขารับมือกับลูกโยนจากทีมพญาอินทรีของ สตีฟ ค็อปเปลล์ ได้เป็นอย่างดี สุดท้ายซีลี่ย์ทำคลีนชีท และ ลี มาร์ติน ก็ซัดประตูชัยพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
ด้วยฟอร์มแบบนั้นทำให้เขาได้รับการเซ็นสัญญาถาวร เลสได้เข้าชิงชนะเลิศ 4 ครั้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเป็นฝ่ายแพ้ไปในลีก คัพ ปี 1991 และ 1994 แต่กับชัยชนะที่ร็อตเตอร์ดัมก็ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นลัคกี้ เลส
“เขามาที่นี่ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนจะปิดท้ายด้วยการคว้าเหรียญแชมป์” แกรี่ พัลลิสเตอร์ กล่าว
“ผมคิดว่าเลสในตอนนั้นก็เหมือนกับเด็กที่เดินเข้าไปในร้านขายลูกกวาด เขาได้รับโอกาสลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาทำผลงานได้ดี และจากนั้นก็ได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศบอลถ้วย มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับเลส และเขาก็คือส่วนสำคัญในห้องแต่งตัวของเรา”
“เขาคือชาวค็อคนี่ย์ที่มีเล่ห์เหลี่ยม บางคนในทีมถึงกับนำเขาไปเทียบกับเซลส์ขายรถเลยด้วยซ้ำ ผมจำได้อยู่ครั้งหนึ่ง มีบริษัทโทรศัพท์มือถือติดต่อเข้ามายังกลุ่มผู้เล่น ตอนนั้นมันเพิ่งเริ่มมีโทรศัพท์มือถือใช้กันใหม่ๆ เลย พวกเขาเสนอชุดหูฟังให้กับเราฟรีๆ และเราก็พอใจกันมากแล้ว แต่เลสก็ดันโพล่งขึ้นมาว่า ‘ไม่ๆ เราต้องการค่าโทรฟรี แล้วก็อื่นๆ ทั้งหมดด้วย’ เขาเข้าไปคุยกับพวกนั้น และก่อนที่พวกเราจะรู้ตัว เราก็ได้โทรศัพท์มาใช้กันแบบฟรีๆ ยกเซ็ตเลย”
“เขาคือคนที่มีบุคลิกในแบบนั้น” ไบรอัน ร็อบสัน เสริม “เขาดูยุ่ง และชอบทำตัวเอะอะอยู่เสมอ เขาเป็นคนที่ชอบพูดจาหยอกล้อกับเพื่อนๆ และมันก็ดีที่มีคนแบบนี้อยู่ในห้องแต่งตัว เขาชอบการหยอกล้อ และก็ชอบสร้างความสุขให้กับเพื่อนๆ ภายในทีมด้วย”
ทุกคนที่เคยอยู่ร่วมห้องแต่งตัวกับซีลี่ย์ล้วนแต่มีเรื่องเล่ากันทั้งนั้น สำหรับแม็คแคลร์แล้ว การแชร์ห้องในโรงแรมกับผู้รักษาประตูรายนี้ก็มีเรื่องให้ต้องจดจำไปตลอดเช่นกัน
“ผมค่อนข้างโชคดี แม้ว่าในตอนนั้นผมจะคิดว่ามันเป็นเรื่องโชคร้ายที่ต้องอยู่ร่วมห้องกับเขาก็ตาม” เขายิ้ม
“ด้วยเหตุผลเรื่องอาการบาดเจ็บในตอนนั้น รูมเมทประจำของเราทั้งคู่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ดังนั้นผมจึงได้อยู่ร่วมห้องเดียวกับเลส เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย เขาชอบตื่นมาสูบบุหรี่กลางดึก แล้วก็สูบมันในห้องด้วยนะ ไม่ใช่ข้างนอก เขาแค่เปิดหน้าต่างไว้เท่านั้นเอง เขายังชอบเปิดโทรทัศน์แบบเสียงดังที่สุดอีกด้วย ผมตื่นขึ้นมาถามว่า ‘เลส คุณทำอะไรของคุณน่ะ?’ เขาตอบกลับมาว่า ‘ผมนอนไม่หลับ’ นั่นแหละ มันทำให้ผมนอนไม่หลับด้วยเหมือนกัน”
แม้ว่าเขาจะมีส่วนสำคัญกับทีม แต่การมาของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ก็ทำให้โอกาสลงสนามของซีลี่ย์ลดน้อยลง จากนั้นเขาก็ย้ายไปร่วมทีมแอสตัน วิลล่า ในปี 1991 ก่อนที่จะย้ายกลับมายังถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งใน 2 ปีต่อมา เขาได้ลงเล่นกับทีมไปเพียง 2 เกม ก่อนที่จะย้ายออกไปอีกครั้ง โดยเขาไปเล่นกับแบล็คพูล, เลย์ตัน โอเรียนท์, บิวรี่ และเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด (2 ครั้ง) การปรากฏตัวในสนามครั้งสุดท้ายของเขาในลีกคือการเปลี่ยนตัวลงมาเล่นในสีเสื้อทีมขุนค้อนที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 11 พฤษภาคม 1997 ซึ่งนั่นก็เป็นแมตช์สุดท้ายของ เอริค คันโตน่า พอดีด้วย
ซีลี่ย์ผันตัวมารับบทบาทโค้ชผู้รักษาประตูในถิ่นอัพตัน พาร์ค เหล่านักเตะดาวรุ่งต่างก็ได้เรียนรู้วิชาจากเขา รวมถึงลูกชายทั้ง 2 คนของเขาคือโจ และจอร์จ ด้วย จากนั้นก็ถึงวันแห่งความเศร้า 19 สิงหาคม 2001 เลสหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ถือเป็นข่าวเศร้าที่สั่นสะเทือนวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว
“มันทำให้ผมถึงกับชะงักไปเลยเมื่อทราบเรื่องนี้” พัลลิสเตอร์กล่าว “การได้ยินข่าวเกี่ยวกับใครสักคนที่สภาพร่างกายสมบูรณ์สุดๆ ต้องมาจากไปด้วยโรคหัวใจ… ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลย มันไม่น่าจะเป็นความจริงได้ ผมคิดว่าเอเลนภรรยาของเขา รวมถึงลูกๆ ก็น่าจะช็อคกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน”
“มันน่าประหลาดใจสุดๆ” ร็อบสันเสริม “เลสเป็นคนที่มีบุคลิกสนุกสนาน ทุกคนที่เคยอยู่ร่วมห้องแต่งตัวกับเขาน่าจะจดจำเขาได้ดี คนอย่างเลส… เป็นคนในแบบที่คุณจะไม่มีวันลืมลงเลย เขาจะเป็นที่คิดถึงของพวกเราไปตลอด”
SiR KeaNo
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC